Home Test Drive MG HS 1.5 Turbo X ฟีเจอร์เด่น ราคาโดนใจ

MG HS 1.5 Turbo X ฟีเจอร์เด่น ราคาโดนใจ

by dcar magazine

NEW MG HS เป็นยนตรกรรมที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกๆ ด้าน เพื่อให้เป็นรถที่มีความสง่างามสะท้อนภาพลักษณ์ของความสำเร็จ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ภายใต้แนวคิด “ELEGANCE” มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่น สะดวกสบายเหนือระดับแบบซีดานหรูแต่ให้ความคุ้มค่าและประโยชน์ใช้สอยที่มากกว่า พร้อมสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม อีกทั้งยังเหนือกว่าด้วนระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน        

การออกแบบตัวถัง ใช้เส้นสายแบบ British Shoulder Line เน้นเรื่องความโค้งมน แบบรถยุโรป กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์แบบ MG ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ดึงดูดเข้าหากัน ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน และไฟท้ายแบบ LED Space Light Field ในรุ่นท็อปสุด รุ่น X ล้ออัลลอยมีขนาด 18 นิ้ว และมีระยะฐานล้อ 2,720 มม. ความสูงระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มม. มีความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร รวมไปถึงวงเลี้ยวแคบสุด 5.95 เมตร

เครื่องเบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 162 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-4,400 รอบ/นาที พร้อมส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด กับโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานหลากหลายถึง 4 โหมด คือ โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบทั่วไป โหมด Eco เพื่อการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โหมด Sport  เพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ และโหมด Custom ที่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ ส่วนโหมดพิเศษ Super Sport ที่สามารถกดเรียกอัตราเร่งได้จากปุ่มกดบนพวงมาลัยได้ในทันที ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเร่งแซงได้อย่างดี

ส่วนช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension ด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut และด้านหลังแบบ Multi-link ที่ออกแบบและปรับเซ็ตมาเน้นความนุ่มนวลของช่วงล่างที่เพิ่มมากขึ้น สามารถซับแรงสะเทือนได้อย่างดี จากการสั่นสะเทือน หรือตัวรถมีอาการโยนจากการขับขี่ผ่านพื้นผิวถนน ให้ทั้งความสบายและความมั่นใจในการขับขี่ จัดเต็มกับระบบ i-SMART รับฟังคำสั่งเสียงภาษาไทยได้ดีกว่าเดิม

ส่วนความพิเศษจะอยู่ที่รุ่นท็อปในรุ่น X จะติดตั้งระบบที่เรียกว่า ADAS (Advanced Driver – Assistance Systems) ที่รวมเอาระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ที่ทำงานตั้งแต่ความเร็วต่ำในชื่อ TJA (Traffic Jam Assitst) และรวมระบบตระกูลช่วยแจ้งเตือนพร้อมดึงและรักษารถให้อยู่ตรงกลางช่องจราจรเสมอ พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) มีการทำงานที่สมูท สามารถเบรกเพื่อรักษาระยะได้นุ่มนวล รวมไปถึงการเร่งความเร็วขึ้นไปตามที่ตั้งค่าไว้ แต่การใช้งาน ผ่านก้านควบคุมระบบ ACC ผู้ขับต้องใช้หลายขั้นตอนในการเข้าสู่ระบบนี้ อาจต้องอาศัยความคุ้นเคยสักพักถึงจะใช้งานได้คล่องแคล่ว

ธีมสปอร์ตหรูหราถูกนำมาใช้ภายในรถ รวมไปถึงวัสดุหุ้มที่ให้ความรู้สึกนุ่มแบบ Soft Touch เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าดีไซน์ Bucket Seat ทรงสปอร์ตสีดำสลับแดงที่มีส่วนหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara โอบกระชับตัวและมีตัวปรับดันหลัง และเบาะที่นั่งด้านหน้าฝั่งผู้ขับก็สามารถปรับสูงต่ำได้ เบาะหลังและพื้นที่ด้านหลังกว้างขวางนั่งสบาย ตัวเบาะเองสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ส่วนเบาะหลัง ออกแบบคล้ายกับเบาะคู่หน้า และมีช่องเสียบชาร์จไฟ USB จำนวน 2 ช่อง พร้อมด้วยช่องเป่าลมแอร์ให้ผู้โดยสารด้านหลัง

อีกจุดที่น่าสนใจคือ ในเรื่องของไฟแบบ Interactive Ambient Light ในห้องโดยสาร ออฟชั่นที่มักจะอยู่ในรถแบรนด์หรูราคาเกิน 2 ล้านบาท แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ออฟชั่นนี้อยู่ในเอสยูวีที่มีราคาค่าตัวไม่เกิน 1.2 ล้านบาท โดยจะมีแสงต้อนรับทันทีที่เปิดประตูรถ และสามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี ผ่านหน้าจอกลางขนาดใหญ่ ทั้งยังเพิ่มความหรูด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ 1.1 ตารางเมตร ในรุ่นท็อปสุด

จุดที่เป็นเหมือนจุดรวบรวมการควบคุมหลายสิ่งอย่างบนรถไว้ในจุดเดียว คือ หน้าจอสัมผัสตรงกลางขนาด 10 นิ้ว ในห้องโดยสาร ทั้งการปรับอุณหภูมิแอร์ ปรับควบคุมเครื่องเสียง ยิ่งไปกว่านั้น การสั่งงานด้วยเสียงเพื่อใช้งานระบบ i-SMART ได้ถูกพัฒนาจนสามารถรับฟังคำสั่งเสียงภาษาไทยได้ดีกว่าเดิม และมีระบบนำทางพร้อมแสดงสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ติดตั้งมาให้ มีข้อมูลพยากรณ์อากาศ สามารถฟังเพลงแบบออนไลน์ True Music รวมไปถึงการดูข่าวที่น่าสนใจที่แบ่งตามหมวดหมู่เอาไว้ หรือเลือกสั่งการผ่าน MG Mobile Application บนสมาร์ทโฟน และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ที่ใช้การควบคุมผ่านจอกลางด้วยเช่นกัน โดยมีปุ่มกดบริเวณใต้ช่องปรับอากาศตรงกลางด้านหน้า ทำหน้าที่เป็นปุ่มคีย์ลัดในการใช้งานหน้าจอกลาง เพื่อการควบคุมระบบต่างๆ

ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม ทั้งระบบก่อนการชน หลังการชน และตัวช่วยการขับขี่  ฟีเจอร์เด่น ไม่พูดถึงไม่ได้ คือกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ที่ล้ำไปอีกขั้นด้วยการสร้างภาพเรนเดอร์รถขึ้นกลางจอ พร้อมให้ผู้ขับขี่กดเลือกมุมกล้องหรือมุมดูภาพรอบคันรถ ราวกับเป็นโมเดล 3 มิติ ที่ดูได้ครบถ้วนทุกมุมจากการควบคุมด้วยปลายนิ้วสัมผัส มาเคียงคู่กับ ระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มมาให้ถึง 24 ระบบ ทั้งก่อนการชน หลังการชน รวมถึงฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้นั่งขับรถได้อย่างสะดวกสบาย ถุงลมนิรภัย 6 ใบและ ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวกับลงทางชัน ระบบควบคุมเบรก และระบบแจ้งไฟเตือนเบรกฉุกเฉิน ติดตั้งเป็นมาตรฐานบนรถทั้งสามรุ่นย่อยของ HS

เป็นอีกหนึ่งรถอเนกประสงค์ที่มาพร้อมออฟชั่นมากมาย กับราคาค่าตัวที่จัดว่าคุ้มค่าไม่น้อย MG HS เป็นเหมือนเวอร์ชั่นตัวแทนของ MG GS อเนกประสงค์เดิมของค่ายที่อาจจะยังเคยมีความไม่ลงตัว อยู่ในหลายๆ จุด แต่สำหรับ MG HS นี้ ที่นับได้ว่ามาปรับและเปลี่ยนสิ่งใหม่ๆ ให้กับอเนกประสงค์ของทาง MG ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ สมรรถนะในการขับขี่ ที่รวมไปถึงออฟชั่นต่างๆ ที่ถูกติดตั้งให้มากับราคาค่าตัวที่เรียกเสียงฮือฮาในตลาดได้อย่างมาก จนทำให้ใครหลายๆ คนสนใจ และเป็นหนึ่งในตัวเลือกการตัดสินใจซื้อรถ ซึ่งเมื่อได้ทดลองขับและลองใช้งานจริงแล้ว ถือได้ว่าเป็นรถที่มีดีครบครันเอามากๆ  คันหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ

ราคา MG HS 3 รุ่นย่อย

New MG HS  รุ่น C ราคา    919,000 บาท

New MG HS  รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท

New MG HS  รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท

AFTER DRIVE

มีโอกาสได้ลองขับ MG HS 1.5 Turbo X คันนี้ จากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ทในช่วงของการขับทดสอบจากย่านฝั่งธนฯ ก่อนมุ่งหน้าข้ามสะพานสาทร และการขับขี่ออกนอกเมือง เพื่อมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ตลอดระยะทางไป-กลับ กว่า-300 กิโลเมตร เพื่อทดสอบการขับขี่ ความคล่องตัว จากรถอเนกประสงค์ ที่ทาง MG เองภูมิใจนำเสนอ น้ำหนักพวงมาลัยที่ปรับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขับขี่ได้อย่างสบายๆ และคล่องตัว สามารถควบคุมรถเปลี่ยนเลนได้ง่าย บนเส้นทางการขับ ทดสอบ การเร่งแซงทำได้มั่นใจ ส่วนการเติมคันเร่งเพิ่มความเร็วก็สามารถเรียกกำลังได้อย่างต่อเนื่อง และขับได้สนุก

ขอบคุณ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้