Home Touring เบิ่งเมืองลาว ก้าวขึ้นรถไฟความเร็วสูง

เบิ่งเมืองลาว ก้าวขึ้นรถไฟความเร็วสูง

by dcar magazine

สวัสดีท่านผู้อ่านนิตยสารดีคาร์ทุกท่าน พบกันอีกครั้งในสถานการณ์น้ำมันที่แพงอย่างต่อเนื่อง แต่เพื่อท่านผู้อ่าน เราก็ยังคงพาเที่ยวกันต่อไป ในฉบับนี้เราจะพาแบ็คแพ็คไปนั่งรถไฟความเร็วสูงที่ลาวกัน โดยมีโครงการจะไปพักที่เมืองเฟือง และหลวงพระบาง ที่ละคืนค่ะ

การเดินทางเริ่มจากสถานีรถไฟบางซื่อ ด้วยรถด่วนพิเศษอีสานมรรคา ตู้นอนปรับอากาศ ชั้น 2 ในราคาเตียงล่าง คนละ 995 บาท เวลา 20.23 น. ด้วยอัตราความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงหนองคาย 06.25 น. จากนั้นก็ขึ้นรถรับจ้างในราคาคนละ 40 บาท ไปยังด่าน ตม. หนองคาย เขียนใบผ่านแดนยื่นพร้อมพาสปอร์ต และหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม จากนั้นซื้อตั๋วรถบัสโดยสารจากด่านไทย ในราคา 30 บาท เพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไปยัง ตม.ลาว ยื่นพาสปอร์ตและหลักฐานการฉีดวัคซีน แล้วแวะแลกเงิน 6,000 บาท ได้เงินลาวมาเกือบ 3,000,000 กีบ ซื้อซิมลาว ในราคา 40 บาท กับเติมเงินแบบใช้อินเตอร์เน็ต 3 วันอีก 40 บาท จากนั้นก็เหมารถตู้รวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ในราคาคนละประมาณ 125 บาท (แล้วแต่ความสามารถที่จะต่อรองราคารถรับส่งแบบเหมา) ไปยังสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านดอนหนูน เมืองไซทานี นครหลวงเวียงจันทน์ ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร การซื้อตั๋วรถไฟเราต้องใช้พาสปอร์ต และหลักฐานรับรองการฉีดวัคซีน เราได้ตั๋วรถไฟธรรมดา ชั้น 2 ซึ่งไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง โดยให้สังเกตที่ปี้ (ตั๋วโดยสาร)จะเป็นรถไฟสาย K21 ในราคา 90,000 กีบ หรือประมาณ 230 บาท (อัตราค่าโดยสารสำหรับขบวนรถรับ-ส่งผู้โดยสาร ตู้โดยสารชั้น 2 กำหนดไว้ที่ 0.3 หยวน ต่อคน ต่อ 1 กิโลเมตร หรือ 350 กีบ ต่อคน ต่อ 1 กิโลเมตร คิดเป็นเงินบาทตกประมาณ 1 บาทต่อคน ต่อ 1 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อรวมค่าโดยสารตั้งแต่สถานีนครหลวงเวียงจันทน์ถึงสถานีบ่อเต็น จะอยู่ที่ 140,000 กีบ หรือประมาณ 400 บาท เปรียบเทียบกับการเดินทางโดยรถยนต์ จะถูกกว่าถึง 1 เท่าตัว และใช้เวลาเดินทางสั้นกว่าถึง 20 ชั่วโมง)

การขึ้นรถไฟที่นี่บรรยากาศเหมือนการขึ้นเครื่องบิน ทั้งการสแกนกระเป๋าและวัตถุต้องห้าม รวมทั้งแอลกอฮอล์ที่เราพกไว้ล้างมือก็ต้องทิ้ง เรานั่งรถไฟจากนครหลวงเวียงจันทน์ถึงสถานีวังเวียง (แขวงเวียงจันทน์) ระยะทาง 125 กิโลเมตร ใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งแต่เดิมขับรถไปต้องใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง ถ้าขับแบบชิลล์ๆ (เส้นทางรถไฟลาว-จีน มีความยาวยาว 422.44 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟทั้งสิ้น 33 แห่ง เป็นสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารที่อยู่รวมกับสถานีขนส่งสินค้าในที่เดียวกัน 11 แห่ง ประกอบด้วยสถานีสินค้าเวียงจันทน์ใต้ สถานีนครหลวงเวียงจันทน์ สถานีโพนโฮง สถานีวังเวียง สถานีกาสี สถานีหลวงพระบาง สถานีเมืองงา สถานีเมืองไซ สถานีนาหม้อ สถานีนาเตยและสถานีบ่อเต็น)

จากวังเวียงไปเมืองเฟืองระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร เราใช้วิธีเหมารถไปในราคา 1,800,000 กีบ หรือประมาณ 3,000 บาท เมืองเฟืองมีลักษณะภูมิประเทศคล้ายๆ กับกาญจนบุรีผสมกับปายที่แม่ฮ่องสอน คือเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขา และสายน้ำ อากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์สวยงาม ร่มรื่น ที่แรกที่เราไปก็คือวัดสินไชยะราม วัดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เรียนรู้พุทธศาสนา และปฏิบัติธรรมควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่า และยังเป็นที่พำนักของหลวงปู่ขาว พระผู้เป็นที่นับถือของชาวลาวและชาวไทยเป็นจำนวนมาก เล่ากันว่าผู้มาขอพรที่นี่ มักประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและโชคลาภ คืนนี้เราไปนอนที่เฮือนแพวังน้ำทิพย์ ริมแม่น้ำลีก ซึ่งก็ได้อารมณ์เดียวกับการไปนอนแพแถวไทรโยค หรือริมแม่น้ำแควของกาญจนบุรี มื้อเย็นของเราก็เป็นอาหารง่ายๆ ที่ซื้อจากเรือขายอาหารที่ล่องไปมาที่หน้าแพ ประเภทข้าวเหนียว หมูทอด หมกหน่อไม้ ส้มปลา ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือหมอกบางๆ ในตอนเช้า กับการใส่บาตร ซึ่งจะมีเรือพระมารับบาตรกันหน้าเรือนแพที่เราพัก เห็นแล้วอยากให้กาญจนบุรีมีโมเม้นท์แบบนี้บ้าง

วันแรกของการแบ็คแพ็คของเราก็จบลงเพียงแค่นี้ ฉบับหน้าเราจะไปต่อกันที่หลวงพระบางและขึ้นรถไฟความเร็วสูงกลับมาเวียงจันทน์ พบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ