ในสถานการณ์กระแสราคาน้ำมันขยับขึ้นไปตามความร้อนแรงของกระแสโลก กระแสรถไฟฟ้าที่ว่ามาแรงก็ได้รับอิทธิพลโดนเบรกแทบจะเรียกว่าหัวทิ่มไม่แพ้กัน เมื่อวัตถุดิบที่ถูกนำมาทำเป็นถังเก็บกระแสไฟฟ้ามันแพงขึ้นและก็ว่ากันว่าครึ่งหนึ่งของราคารถไฟฟ้ามันคือ แบตเตอรี่ ทีนี้เราก็เลยเห็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ว่าจะร่วมจะหลักต่างพากันปรับขยับราคาขึ้นกันเป็นว่าเล่น พาลพาเอาความจำเป็นประเด็นเหตุผลที่คนมักนำมาเถียงกันก่อนการซื้อรถ ว่า ไฟฟ้าหรือน้ำมัน คุ้มกว่ากันนั้นแทบจะถูกลืม…
ถ้าพูดถึงรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนในบ้านเราที่ดูว่ากระแสกำลังมาแรงเพราะน้ำมันกำลังแพงนั้นก็ดูว่ามีจุดสะดุดที่ประเด็นระยะทางวิ่งต่อหนึ่งชาร์จและสถานที่ชาร์จรวมถึงมาตรฐานของระบบการชาร์จ ซึ่งนั่นเป็นประเด็นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยทั่วไป ไม่รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีระบบสร้างกระแสไฟฟ้าด้วยตัวเองเพื่อนำไปเป็นพลังงานขับเคลื่อนสำหรับการเดินทางที่ไม่ง้อหัวจ่ายกระแสไฟฟ้า
New NISSAN KICKS e-Power
จะว่าไป NISSAN KICKS e-Power ก็ไม่ใช่รถใหม่เท่าไหร่นัก เพราะ 2 ปีที่แล้ว Dcar เราก็ได้นำเสนอบททดสอบกันไปแล้วมาปีนี้ดูเหมือนว่า NISSAN ได้ทำการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ทั้งหลายนำไปพัฒนาปรับปรุงให้ New NISSAN KICKS e-Power น่าใช้และขับได้สนุกขึ้นด้วยการปรับปรุง 3 จุดหลักๆ นั่นก็คือ
1. เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 (2nd Generation e-POWER) ที่ขยายขนาดแบตเตอรี่ให้ใหญ่ขึ้นมีความจุมากขึ้นเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWH) อันเป็นผลจากการปรับปรุงระบบ Inverter ให้เล็กลงและเบาลง ทำให้สามารถเพิ่มขนาดมอเตอร์ให้ใหญ่ขึ้นแรงขึ้น ทำให้ New KICKS e-Power ให้พละกำลังมากขึ้น และแรงบิดสูงต่อเนื่อง และที่สำคัญ NISSAN ได้ปรับปรุงเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะแบบใหม่แล้วเรียกว่า “อี-เพดดัล สเต็ป” (e-Pedal step) ที่ช่วยให้การขับขี่ด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียวเป็นธรรมชาติมากขึ้นจนแทบไม่ต่างกับการขับรถแบบปกติทั่วไปที่คุ้นเคยเลย
2. ปรับปรุงลุคใหม่ เสริมดีไซน์ให้ทันสมัย ใช้งานได้ง่ายลงตัวมากขึ้นยกระดับภายในห้องโดยสารให้ดูหรูหรามากขึ้นด้วยการปรับคอนโซลกลาง และ คันเกียร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ พร้อมเพิ่มวัสดุบุนุ่มที่จุดสัมผัสต่างๆ เติมเต็มสไตล์พรีเมียมด้วยการตกแต่งทูโทน ด้วยหลังคาสีดำ และเพิ่มรุ่นพิเศษเป็นครั้งแรกจากสำนักแต่งรถหรูคู่บุญอย่างสำนัก AUTECH ด้วย รุ่น ออเทค (Autech) สุดสปอร์ต เท่ หรู ถูกใจคนรุ่นใหม่กับดีไซน์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เสริมความเท่ หรูอีกระดับกับรุ่นออเทคที่มาพร้อมชุดแต่งสีเงินเมทัลลิภายนอกรอบคัน ส่วนภายในโทนสีดำเสริมการตกแต่งด้วยสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของออเทค
3. เติมการขับขี่ให้มั่นใจและปลอดภัยพร้อมความสะดวกสบายทุกการเดินทาง กับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360° Safety Shield โดยได้เพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงครบครัน รวมถึงความสะดวกสบายของการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่าน Android Auto และ Apple Car Play อรรถประโยชน์จากพื้นที่ขนสัมภาระ, คอนโซลกลางใหม่ที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ และการปรับเบาะที่นั่งเพื่อรองรับทุกการใช้งาน
ลองขับแล้วจะรัก e-Pedal Step
Dcar Magazine ได้รับหมาย เชิญให้ร่วมทดลองขับขี่และทำความรู้จักกับ New NISSAN KICKS e-Power ในวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เพื่อเก็บข้อมูลไว้เผยแพร่พร้อมกันในวันเปิดตัว หลังจากเข้ารับฟังข้อมูลในการพัฒนาช่วงแรกเราก็พอจะเข้าใจและนึกภาพตามได้เพราะจุดที่ NISSAN ปรับปรุงมาทั้ง 3 จุดนั้นดูจะตรงประเด็นกับที่เราเองก็เห็นด้วย และเมื่อไปสัมผัสตัวจริงแล้วก็พบว่าการแก้ไขพัฒนานั้นทำให้ New NISSAN KICKS e-Power
ดูน่าใช้ขึ้นมาตั้งแต่ยัเครื่องยนต์ยังไม่ติด !!! เอ๊ๆ!! ไหนบอกรายงานทดลองขับขี่รถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้าแล้วเครื่องยนต์มาจากไหน?
อย่างที่เกริ่นนำตั้งแต่ต้น New NISSAN KICKS e-Power เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนโดยสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้เองและแน่นอนว่าต้นกำลังของการสร้างกระแสไฟฟ้าก็คือ เครื่องยนต์ และแน่นอนว่าตราบใดในที่ๆ คุณไปยังมีปั๊มน้ำมันต่อให้ไม่มีเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า คุณก็ยังสามารถขับรถยนต์ไฟฟ้าไปท่องเที่ยวได้ ฟังดูดีใช่มั๊ยสำหรับติ่งรถไฟฟ้า
New NISSAN KICKS e-Power พัฒนาตามแนวคิดการเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสันโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถยนต์และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กทำหน้าที่เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าส่วนตัว เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้ากำลังสูง ส่งเข้าแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออนการพัฒนาในเจเนอเรชั่นที่ 2 นิสสันได้รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้สามารถลดขนาดและน้ำหนักของ Inverter ให้เล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30% รวมถึงขยายความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery) มากขึ้นเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้านั้นเป็นเครื่องยนต์เบนซิน HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร (Nm) ให้อัตราสิ้นเปลืองเปรียบเทียบกับการใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยได้สูงถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร และสำหรับการขับขี่ในเมืองถึงประหยัดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
โดย New NISSAN KICKS e-Power จะประกอบไปด้วย โหมดการขับขี่และการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 3 โหมด นั่นคือ
Normal mode เป็นการขับขี่ในแบบปกติให้อัตราเร่งความเร็วได้ลักษณะเดียวกับการใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป มีโหมด D สำหรับการขับขี่ปกติ และ B ที่เพิ่มแรงหน่วงขณะลดความเร็ว ลดการใช้ผ้าเบรก และสร้างกระแสไฟฟ้ากลับคืนได้มากขึ้น
Sport mode เป็นโหมดการขับขี่แบบเพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งและการชะลอความเร็วที่ดียิ่งขึ้น โดยในโหมดนี้ e-Pedal Step จะถูกเปิดใช้โดยอัตโนมัติ
ECO mode เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล ปรับการทำงานของระบบอี-พาวเวอร์ ให้ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์และระบบมีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเดียวกับโหมด Sport e-Pedal Step จะถูกเปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ
EV mode ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งพลังงานในแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ เพื่อให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความเงียบและลดการสร้างมลภาวะในพื้นที่ควบคุม
ระบบ อี-เพดดัล สเต็ป (e-Pedal Step) เป็นเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งและลดความเร็วเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport MODE และ ECO MODE (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วลงอย่างนุ่มนวล โดยความเร็วจะลดลงต่ำสุด 5 กม./ชม. โดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกและความลาดชันของทางที่ขับขี่ ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอเมื่อลงเขาหรือ เมื่อเจอลูกระนาดในเขตชุมชน และยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสนุก มั่นใจมากขึ้นด้วยการชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลขณะทำการเข้าโค้ง นอกจากนี้ขณะที่ อี-เพดดัล สเต็ป ทำงาน เครื่องจะสามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ขณะลดความเร็ว เมื่อมีการยกหรือถอนเท้าออกจากคันเร่ง
และจากการที่ Dcar Magazine ได้ทดลองขับขี่ในสนามทดสอบในสถานีต่างในทุกโหมดการใช้งานก็พบว่า New NISSAN KICKS e-Power ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับสนุกเช่นเดิม เพิ่มเติมคือ ครั้งนี้ติดใจเจ้าระบบ e-Pedal Step ที่ช่วยให้การขับขี่สไตล์สปอร์ตขับได้สนุกมากขึ้นกว่าเดิมการกะระยะกะความเร็วในการเข้าโค้งและออกโค้งทำได้ดีกว่าการขับแบบใช้เบรค เพราะรถยนต์แทบจะไม่สูญเสียกำลังจากการเบรกหนักเกินไปเลย สรุปว่าการปรับปรุง New NISSAN KICKS e-Power ในครั้งนี้ถ้าราคาที่เปิดมาไม่แรงมากนักส่วนตัวแล้วเชียร์ครับ ดีกว่าการซื้อรถไฟฟ้าชาร์จนอก 100 % แล้วขับทางไกลแบบไปตายเอาดาบหน้าไม่รู้ว่าจะมีที่ชาร์จหรือเปล่า มีแล้วรอนานหรือเปล่า และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะเมื่อเราจะเดินทางไกลๆ เพื่อไปพักผ่อนก็เพราะเราไม่อยากเครียดจากเรื่องราวต่างๆ มิใช่หรือ จะดีกว่ามั๊ย? ถ้ารถเราชาร์จไฟได้ด้วยตัวเอง