Home Test Center ลองใช้ TOYOTA HILUX REVO GR Sport Hi-Floor 4×4 รถกระบะเกินล้านที่น่าใช้และมีอะไรที่มากกว่า

ลองใช้ TOYOTA HILUX REVO GR Sport Hi-Floor 4×4 รถกระบะเกินล้านที่น่าใช้และมีอะไรที่มากกว่า

by dcar magazine

รถกระบะ “ไฮลักซ์” ของ TOYOTA เริ่มปรากฏตัวในท้องตลาดบ้านเรามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจนปี 2547 โตโยต้าจึงผุดโครงการ IMV ขึ้นมา เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะ และรถเอนกประสงค์ส่งออกจำหน่ายทั่วโลกจนปัจจุบัน ส่วนจะต่อเนื่องไปจนถึงอนาคตรึเปล่าก็ต้องรอดูกันต่อไป

ล่าสุดกับรถกระบะโมเดลปี 2021 ที่เปิดตัวออกสู่ท้องตลาดคือ “TOYOTA HILUX REVO GR Sport” โดย Dcar Magazine ก็เคยนำเสนอไปแล้วเมื่อคราเปิดตัว ล่าสุดเราได้รับรุ่นท็อปไลน์อย่าง TOYOTA HILUX Revo GR Sport Hi-floor 4×4 อันเป็น Premium Adventure มาทดลองใช้งานและรายงานให้เพื่อนๆ ได้รับทราบข้อมูลกันเป็นเบื้องต้นก่อนการตัดสินใจ ทั้งในรูปแบบ Youtube ,Magazine, Website และ E-magazine

เปลี่ยนอะไรบ้าง
การออกแบบภายนอกภายในเน้นอารมณ์สปอร์ตด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคัน เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ให้มากที่สุด ภายในดีไซน์สปอร์ตด้วยโทนดำ Smoke Silver สลับแดง เบาะนั่ง Suede เจาะรู หนังสังเคราะห์เดินด้ายสีแดงพร้อมโลโก้ GR ช่วงล่าง “Super Flex” ปรับใหม่ด้วยชุดแหนบ 5 แผ่น ปรับเซตค่าสปริงให้สัมพันธ์กับช็อกอัพฯ ใหม่ กระบอกใหญ่แบบ Monotube ระบบเครื่องยนต์ปรับใหม่ “GD Super Power” เจเนอเรชั่น 2 ให้กำลังสูงถึง 204 แรงม้าที่ 3400 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดนั้นสูงถึง 500 นิวตัน-เมตรแบบต่อเนื่องที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60R18 และเพียบพร้อมไปด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก TOYOTA Safety Sense อาทิ ระบบเตือนความปลอดภัยก่อนการชน ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติ ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ กล้องรอบคัน ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบช่วยเตือนเมื่อถอยรถ

เล่าให้ฟังหลังลองใช้งาน
สัมผัสแรกของการทดลองใช้งานของผู้ทดสอบนั้น แรกๆ ที่เห็นหน้าตาภายนอกก็ดูมีความแปลกใหม่นิดหน่อยตามประสารถ Minor Change อาจจะด้วยเหตุผลที่รถประจำตัวที่ใช้อยู่ก็เป็น REVO อยู่แล้ว แต่เมื่อเข้าไปสัมผัสภายในนั่นแหล่ะที่ความรู้สึกถึงได้เปลี่ยนพร้อมคำถาม รถเราจะเทิร์นได้เท่าไหร่กันนะ? เพราะด้วยสนนราคาค่าตัวเจ้า Hi-Floor 4×4 คันนี้นั้นอยู่ที่ 1,299,000 บาท เลยออกจะคิดหนักพอสมควร ด้วยเพราะภายในนั้นดูสวยสมกับความเป็น Premium Adventure ที่สำคัญคือ ระบบช่วยขับขี่และความปลอดภัยอย่าง TOYOTA Safety Sense นั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเป็นอันมาก เอาเป็นว่าความชอบภายนอกและภายในนั้น เป็นเอกสิทธิ์ของปัจเจกบุคคลก็แล้วกัน ส่วนตัวผู้เขียนจะชอบที่ระบบความปลอดภัย และสะดวกสบายใช้งานง่ายที่เขาให้มาซะมากกว่า จากการทดลองขับขี่ทั้ง On Road และ Off-Road พบว่า กำลังเครื่องยนต์ GD Super Power นั้น ในทางออนโร้ดจะขับสนุกที่ย่านความเร็วระดับประมาณ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป อันเป็นช่วงที่รอบเครื่องยนต์อยู่ใกล้จุดแรงบิดสูงสุด และมาต่อเนื่องยาวถึง 1200 รอบ และเท่าที่ขับรถปิกอัพใช้งานมาทั้งตัวเปล่าและโหลดแหนบแอ่น พบว่าส่วนใหญ่คนปกติใช้รถ เราจะขับที่รอบแทบจะไม่ถึง 3,000 เลยครับ ผมกำลังจะบอกว่าแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ที่มาตั้งแต่ 1600 รอบ/นาที บนทางราบกับการใช้งานของคุณ ไม่ว่าจะบรรทุกหรือไม่บรรทุกส่วนตัวผมว่า “เหลือจะพอ” ถ้าไม่ได้มีตัวเลขไว้คุยล่ะก้อ…เพียงพอแน่นอนครับ ในการเร่งแซงนั้นทำได้อย่างสนุกช่วงล่าง Super Flex ที่ปรับปรุงใหม่นั้นทำงานได้อย่างดี นุ่มนวลกว่ามากในการให้ตัวทั้งยุบและยืด โดยเฉพาะคอสะพาน เก็บเสียงและการสั่นได้ดีกว่ารุ่นเดิมมาก ช่วงรอยต่อถนนคอนกรีต นั่นน่าจะเป็นผลจากการปรับค่าความเป็นสปริงของแหนบและการทำงานของช็อกอัพฯ แบบ Monotube ที่การดูดซับแรงกระแทกที่เกินช่องน้ำมันของวาล์วแกนช็อกฯ จะถูกรับด้วยลูกสูบลอยตัว และส่งถ่ายไปให้ก๊าซแรงดันต่ำที่อยู่ด้านหลังลูกสูบรับช่วงต่อ และในทางกลับกันในจังหวะยืดก๊าซ และลูกสูบลอยตัวจะทำหน้าที่หน่วงการยืดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้ลดอาการเขย่าของตัวรถลงไปได้เป็นอย่างดี และความร้อนของน้ำมันช็อกฯ จะถูกระบายผ่านผนังกระบอกช็อกฯ แบบชั้นเดียวได้ดีกว่า อีกทั้งลูกสูบและแก๊สฯ จะทำหน้าที่ดันน้ำมันช็อกฯ อยู่ตลอดเวลา ทำให้ปิดกั้นโอกาสที่ช็อกอัพฯ จะเฟดจากความร้อนในการใช้งานน้อยลง ทำให้องค์รวมของช่วงล่างประสิทธิภาพสูงขึ้น และอีกจุดหนึ่งที่น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจที่ง่ายขึ้นคือ ฟังก์ชั่นความปลอดภัย TOYOTA Safety Sense โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ ระบบ Dynamic Radar Cruise Control จะช่วยให้การขับขี่ทางไกลสะดวกสบายมากขึ้น ส่วนระบบ Pre-Collision System และ Lane Departure Alert จะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น เพียงแค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่การทดลองใช้บนเส้นทางออนโร้ดนั้นผ่านได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนในทาง Off-Road นั้น REVO GR Sport ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน การขับขี่บนเส้นทางราบที่ขรุขระอย่างเส้นทางบ่อดินลูกรังนั้น GR Sport Hi-Floor 4×4 ทำได้ค่อนข้างนุ่มนวล เมื่อเปรียบเทียบกับโมเดลก่อนหน้า และเมื่อลองใช้ระบบขับเคลื่อน 4 แบบ 4LOW เพื่อลงทิ้งตัวลงก้นบ่อนั้นก็ทำได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มใช้ระบบควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน DAC จากนั้นยกเท้าออกจากแป้นเบรกได้เลย ระบบและแรงบิดจะทำหน้าที่หย่อนรถลงเนินเองที่ความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. และแน่นอนว่าการไต่จากก้นบ่อขึ้นมาบนปากบ่อก็ไม่ใช่ปัญหา แรงบิดของรถในเกียร์ D กับตำแหน่งเกียร์ 4LOW สามารถพาไต่ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

สรุปในภาพรวมจากการใช้งานจริงทั้ง On Road และ Off-Road ส่วนตัวผู้เขียนถือว่าผ่านอย่างเต็มภาคภูมิ และมองว่า TOYOTA HILUX REVO GR Sport Hi-Floor 4×4 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ “มีมากกว่า” ถ้าจะมองหาจากรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อราคาเกินล้าน ส่วนตัวผู้เขียนก็คงต้องควบ Revo คันเดิมเก็บตังค์รอไปก่อน

พร้อมเป็นเจ้าของโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport และโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2564

36 รุ่นย่อย มีสีภายนอกให้เลือก 8 สี
● Dark Blue Mica
● Emotional Red *
● Oxide Bronze Metallic
● White Pearl CS*
● Silver Metallic
● Dark Grey Metallic
● Attitude Black Mica
● Super White**

ราคาคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของที่ 544,000 – 1,299,000 บาท